1:“สิว” เกิดจาก “ลำไส้ ไม่ดี” จริงหรือ?

จากรายงานผลการศึกษาของนักประสาทชีววิทยาชาวอเมริกัน
เขาพบว่าภายในลำไส้มีเซโรโทนิน(serotonin)
ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทชนิดเดียวกับในสมองอยู่มากถึงร้อยละ95ของปริมาณเซโรโทนินทั้งหมดในร่างกาย
นั่นคือเหตุผลที่ลำไส้ได้ฉายาว่าเป็น
🧠
2:#คุณไสย4ประเภท #เล่าเรื่องผี #ช่องManudpa
3:#วิญญาณแห่งบ่อน้ำ #เล่าเรื่องผี #ช่องManudpa
4:📍ฝ้าเลือด Telangiectatic Melasma มีลักษณะอย่างไร ❓
📍ฝ้าเลือดTelangiectaticMelasmaมีลักษณะอย่างไร&ดูแลได้อย่างไร❓
👨⚕️Dr.Ruj’scomments
•ฝ้าที่มีการขยายตัวของเส้นเลือดMelasmawith
telangiectasiaหรือที่เรียกว่าฝ้าเลือดจะมีลักษณะเป็นฝ้าสีน้ำตาลและมีความแดง*
•นอกจากเป็นสีน้ำตาลของฝ้าแล้วใบหน้าจะแดงจากมีการขยายตัวของเส้นเลือดครับทำให้ฝ้านอกจากจะดูคำแล้วจะมีความแดงร่วมด้วย
•เกิดจากการโดนแสงแดด,การใช้ยาสเตียรอยด์,hydroqyinoneหรือสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองความเข้มข้นสูงหรือระยะเวลานาน*
•การรักษาต้องใช้ระยะเวลาและความอดทนอย่างมากครับเช่นป้องกันแสงแดด,หยุดยาที่ทำให้เส้นเลือดขยาย,ทายาลดเม็ดสี,ทานยา
•การใช้เลเซอร์ที่จำเพาะกับเส้นเลือดเช่นVbeamสามารถช่วยลดความแดงได้แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพราะมีโอกาสเกิดรอยคล้ำมากขึ้นได้ครับ
🔬ทางการแพทย์เรียกว่าVascularMelasmaหรือTelangiecteticMelasmaหรือMelasmawithvascularcomponent
•เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าเนื่องจากผิวหนังรับรังสีอัลตราไวโอเล็ตจากแสงแดดเป็นเวลานาน
•เส้นเลือดฝอยในชั้นหนังแท้จึงเพิ่มจำนวนขึ้นหรือเสื่อมสภาพทำให้เห็นเส้นเลือดฝอยแตกแขนงเป็นกระจุกบนผิวหน้าเกิดเป็นรอยสีชมพูสีน้ำตาลแดงไปจนถึงสีคล้ำเรียกว่า“ฝ้าเลือด”
•เป็นผลมาจากการใช้เครื่องสำอางหรือยาที่มีส่วนผสมของเสตียรอยด์ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกและมีเลือดกระจุกบริเวณพังผืดใต้ผิวหนังชั้นลึก
โดยฝ้าจะมีสีน้ำตาลแดง
*จัดเป็นฝ้าที่รักษายากฝ้าเลือดพบในเพศหญิงได้มากกว่าเพศชายถึง80%
-ซึ่งชนิดของฝ้ามีส่วนช่วยในการวางแผนการดูแลรักษาต่อไปครับ
🧬สาเหตุของการเกิดฝ้าเลือด
•แสงแดด:เมื่อผิวได้รับแสงแดดสะสมเป็นระยะเวลานานจะทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณนั้นเสื่อมสภาพชั้นผิวบางลงร่วมกับแสงแดดจะกระตุ้นเส้นเลือดฝอยเพิ่มจำนวนขึ้นจนเป็นฝ้าเลือดบริเวณที่พบฝ้าเลือดได้มากที่สุดคือบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก
*ฝ้าเลือดจะคล้ำขึ้นจากฝ้าด้วยกันเองเพราะเมื่อเป็นฝ้าเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะเพิ่มปริมาณมากกว่าปกติเส้นเลือดฝอยเหล่านี้จะส่งสัญญาณไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสี(Melanocytes)ให้ผลิตเม็ดสี(Melaninpigment)มากขึ้นดังนั้นจึงต้องใช้เลเซอร์ที่ทําลายเส้นเลือดฝอยเหล่านี้
*การใช้ผลิตภัณฑ์เร่งผิวขาวตามท้องตลาดเช่นไฮโดรควิโนน(Hydroquinone)และสเตียรอยด์Steroidหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ผิวบางและก่อให้เกิดฝ้าถาวรOchronosisได้
*ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางประเภทมีสารอันตรายเช่นปรอทสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่ห้ามนํามาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสําอางหากใช้สารเหล่านี้เป็นระยะเวลานานเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัวมากขึ้นจนเกิดเป็นฝ้าเลือด
🔬การดูแลฝ้าเลือด
*หลีกเลี่ยงแสงแดดควรทาครีมกันแดดทั้งที่อยู่ในร่มและออกกลางแจ้งและต้องมีอุปกรณ์เสริมเช่นร่มหมวกอาหารบำรุงผิว
*หยุดใช้ครีมที่มีสารไฮโดรควิโนนและสารสเตียรอยด์ที่มักอยู่ในครีมหน้าขาวต่างๆซึ่งมักไม่รับการรับรองจากอย.เพราะครีมเหล่านี้ทำให้ผิวบางลงไวต่อแสงได้ง่ายส่งผลให้เกิดฝ้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
*ทาครีมรักษาฝ้าที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและบำรุงเซลล์ผิวซึ่งควรใช้แบบที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติเช่นกลุ่มแคโรทีนอยด์VitaminCหรือEก็จะช่วยปรับสีผิวโดยรอบให้รอยฝ้าค่อยๆจางลงได้
*การใช้เวชสำอางที่ช่วยลดเม็ดสีโดยไม่ทำให้เกิดเส้นเลือดขยายเช่นArbutin,Kojicacid,Thiamidol,Niacinamide,Tranexamicacidเป็นต้น
*ทามอยเจอไรเซอร์บำรุงผิวโดยเฉพาะที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบของผิวเนื่องจากฝ้าเลือดมักจะมีเกราะป้องกันผิวที่เสียไปทำให้มีโอกาสแดงได้มากขึ้นครับ
•การใช้ยารับประทานแนะนำปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับ
🧬การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์/แสง
•เช่นIPL,QsNDYAG,FractionalLaser,PicosecondLaserเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพราะมีความแม่นยำและรักษาได้ตรงจุด
***แต่การรักษาฝ้านี้ก็เป็นเพียงการรักษาเสริมเท่านั้นไม่ใช่การรักษาหลัก(ใช้ทำลายเม็ดสีที่ปลายเหตุไม่ได้ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่เป็นต้นเหตุ)ครับ***
•การทำเลเซอร์จะอาศัยหลักการปล่อยพลังงานความร้อนไปยังฝ้าเพื่อทำลายเม็ดสีโดยตรงนั่นจึงเป็นผลทำให้ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์นั้นไวต่อแสง(หลังทำในช่วง2-4สัปดาห์ห้ามโดนแดดอย่างเด็ดขาด),ผิวแพ้ง่าย(ต้องงดใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของกรดหรือใช้สครับเพราะจะทำให้เกิดอาการอักเสบได้ง่าย),ผิวแห้งตกสะเก็ดและเป็นขุย,เป็นสาเหตุการเกิดฝ้าใหม่และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายกว่าเดิม(เพราะผิวมีสภาพอ่อนแอจากการทำเลเซอร์),
•เนื่องจากฝ้าเลือดจะมีการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยมากขึ้นดังนั้นการใช้เลเซอร์ที่สามารถจับกับเม็ดเลือดแดงโดยตรงเช่นPulseDyeLaser(PDL,Vbeam),GoldtoningQsNdYag,GoldtoningPicosecondLaserเป็นต้นจะสามารถช่วยลดความแดงได้ครับ
•แต่ต้องระมัดระวังในคนที่มีสีผิวเข้มมีโอกาสเกิดฝ้าเข้มมากขึ้นได้ครับ
👨🏻💻ตัวอย่างงานวิจัยโดยผศ.นพ.ศุภะรุจ(หมอรุจ)และรศ.นพ.เทอดพงศ์และทีมงานเกี่ยวกับการดูแลรักษาฝ้าเลือดMelasmawithtelangiectasiaด้วยการใช้เลเซอร์
•พบว่าได้ผลในระดับหนึ่งโดยต้องดูแลรักษาร่วมกับการทายาและปกป้องแสงแดดด้วยครับ
***ที่สำคัญคือต้องใช้อย่างระมัดระวังโดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้มครับ***
LueangarunS,NamboonlueC,TemparkT.Postinflammatoryandreboundhyperpigmentationasacomplicationaftertreatmentefficacyoftelangiectaticmelasmawith585nanometersQ-switchedNd:YAGlaserand4%hydroquinonecreaminskinphototypesIII-V.JCosmetDermatol.2021Jun;20(6):1700-1708.doi:10.1111/jocd.13756.
🧑🏻💻https://bit.ly/3LiuyIa
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33002283/
MasubN,NguyenJK,AustinE,JagdeoJ.TheVascularComponentofMelasma:ASystematicReviewofLaboratory,Diagnostic,andTherapeuticEvidence.DermatolSurg.2020Dec;46(12):1642-1650.
5:สิวที่หลังและลำตัว Body Acne เกิดจากอะไรและดูแลอย่างไร?🏆🏆🏆
📍สิวที่หลังและลำตัวTruncal&BodyAcneเกิดจากอะไรและดูแลรักษาได้อย่างไร?(Update+รีวิว)
🔬UpdateContentsดูแลรักษาสิวที่หลังและลำตัว(หมอรีวิวมาจะยาวนิดนึงนะครับ)
1.สาเหตุการเกิดสิวที่หลังและลำตัว
2.ตัวกระตุ้นให้เกิดสิวที่หลังและสิวที่หลังอักเสบเป็นมากtriggeringoftruncalacne
3.ลักษณะของสิวที่หลังและลำตัว
4.ลักษณะของสิวอักเสบที่รุนแรงที่ลำตัวชนิดที่รุนแรงเป็นพิเศษต้องรีบรักษา
5.โรคที่มีลักษณะคล้ายสิวที่หลังและลำตัว
6.การดูแลรักษาสิวที่หลังและลำตัว:ยาทายาทานpeeling,เลเซอร์
7.เทคนิครักษาแผลเป็นจากสิวที่หลังและลำตัว
•
🔬1.สิวที่หลังและลำตัวTruncal&BodyAcne(Bacne)เกิดจาก1.รูขุมขนอุดตัน
2.แบคทีเรียโดยเฉพาะC.acnes
3.ความมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วSebum
4.และการอักเสบInflmmationซึ่งมีลักษณะกลไกการเกิดเหมือนกับสิวที่ใบหน้าครับ
•ส่วนมากคนที่มีสิวที่ใบหน้ามักจะมีสิวที่หลังและลำตัวได้บ่อยถึง50%แต่จะพบมีสิวเฉพาะที่หลังและลพตัวอย่างเดียวโดยไม่มีสิวที่หน้าเพียง3%
6:น่ากินไหม..

7:สิวสเตียรอยด์เกิดจากอะไรและรักษายังไงดี มาดูกัน 💖

ถ้าพูดถึง‘สเตียรอยด์’หลายคนคงนึกถึงสิ่งแง่ลบและความน่ากลัวเพราะสิวสเตียรอยด์หรือสิวติดสารเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนคงเคยเห็นหรือพบเจอจากแบรนด์เน็ตโพสต์นี้เลยขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสิวสเตียรอยด์เกิดจากอะไรและรักษายังไงได้บ้าง
.
ก่อนอื่นมาดูกันว่า‘สเตียรอยด์’คืออะไร
สเตียรอยด์จริงๆแล้วเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้(ในปริมาณจำกัด)และเจ้าฮอร์โมนนี้ก็มีประโยชน์มากทั้งต้านอักเสบและอื่นๆทำให้มีการคิดค้นและสร้างฮอร์โมนสังเคราะห์มาใช้แทนทั้งในรูปแบบใช้ภายในและใช้ภายนอกเช่นยากิน,ยาฉีด(ฉีดสิว),แบบทาฯลฯ
.
ฟังดูแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาหนิ
ทำไมผลลัพธ์ที่เคยเห็นถึงน่ากลัวจัง?
ปกติแล้วถ้าใช้ปริมาณและระยะเวลาเหมาะสมภายใต้การดูแลของแพทย์ก็มักจะไม่ค่อยมีปัญหาแต่มักจะมีปัญหาตอนที่❌ใช้ต่อเนื่องนานไป❌ใช้ปริมาณมากเกินพอดี
บางคนก็เลยเรียกสิวสเตียรอยด์ว่า‘สิวติดสาร’
.
จริงๆปัจจุบันนี้เหมือนจะยังหาสาเหตุแน่ชัดไม่ได้ว่าทำไมสเตียรอยด์ถึงทำให้เกิดปัญหาหนักขนาดนี้ได้แต่มีการสันนิษฐานไว้ประมาณนี้
-ถ้าเป็นแบบกิน/ฉีดที่ใช้เข้าภายในเกินพอดีจะไปกระตุ้นTRL2(ด่านตรวจเชื้อก่อนส่งสัญญาณไปหาเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน)พอเจอเชื้อราหรือแบคทีเรียP.acneก็จะตู้มมอักเสบและสิวสเตียรอยด์มาเยือน
-ถ้าเป็นแบบทาเกินพอดีผิวจะอ่อนแอและอักเสบก่อนจะกลายเป็นacnerosacea
.
📍ลักษณะของสิวสเตียรอยด์สังเกตง่ายๆจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงคล้ายตุ่มน้ำ/ตุ่มหนองกระจายหรือกระจุกในบริเวณที่ทาถ้าเป็นสิวแบบอื่นขึ้นมาร่วมด้วยอาจแดงหรือใช้เวลานานกว่าปกติถึงจะหาย
.
🌈วิธีป้องกันสิวสเตียรอยด์
1)ถ้าจะใช้หรือรู้ว่ามีสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบควรปรึกษาและใช้งานภายใต้การดูแลของแพทย์
2)หลีกเลี่ยงครีมแบรนด์เน็ตที่ไม่ชัวร์เรื่องความปลอดภัยอย่าหลงคำเคลมขาวใน7วันเนียนใน3คืนฯลฯเพราะสเตียรอยด์ใช้แรกๆแล้วดีจริงแต่หลังจากนั้นพังแล้วกู้ผิวนานและก็ถึงจะมีเลขจดแจ้งแล้วแต่ห้ามพลาด!บางแบรนด์อาจขอเลขแล้วเปลี่ยนสูตรกวนครีมใหม่ที่หลังแล้วอย.ไม่รู้ก็ได้
3)ถ้าอยากใช้แต่ไม่มั่นใจว่าครีมมีสเตียรอยด์มั้ยเหมือนจะมีชุดทดสอบสารสเตียรอยด์ขายด้วยอาจซื้อมาทดลองก่อนใช้กับผิวตัวเองก็ได้
4)ในยาฉีดสิวก็มักจะมีสเตียรอยด์ด้วยเหมือนกันเพราะงั้นพยายามอย่าฉีดบ่อยเกินไปด้วยนะ
.
👩🏻🔧วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์
1️⃣ควรหยุดใช้ตัวที่มีสเตียรอยด์และประเมินอาการก่อนเพราะถ้าเป็นน้อยอาจไม่ต้องรักษาก็หายเองได้หรือมีอาการไม่มากก็อาจรักษาด้วยตัวเองได้แต่ถ้าเป็นหนักควรพบแพทย์ก่อนเลย
2️⃣เลือกผลิตภัณฑ์อ่อนโยนหลีกเลี่ยงพวกกรดผลัดเซลล์ผิวต่างๆสารไวท์เทนนิ่งสารชะล้างรุนแรงไม่มีส่วนผสมของสบู่ฯลฯ
3️⃣เน้นเติมความชุ่มชื้นเสริมปราการผิวและลดการระคายเคืองเช่นAloevera,Ceramideฯลฯ
4️⃣เลี่ยงสิ่งที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง+อักเสบมากขึ้นเช่นการขัดนวดผิว,แสงแดด,ยารักษาสิวบางตัว(อาจต้องรอให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกนิด)ฯลฯ
*หากยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการหนักควรพบแพทย์
.
ด้วยรักและห่วงใยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแบบระมัดระวังด้วยน้าส่วนใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงหรืออยากให้แนะนำผลิตภัณฑ์อ่อนโยน+เสริมปราการผิวลดการระคายเคืองก็บอกได้เลยนะคะยังไงไว้เจอกันใหม่น้าบะบุย💖
8:#แมวโพง #แมวผี #เล่าเรื่องผี #ช่องManudpa